วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

My Dog is name 'Chaokao' (เฉาก๊วย)

"เฉาก๊วย" เป็นสุนัขวัด หรือหมาวัด ที่มีคนเอามาทิ้งไว้ที่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ประมาณเดือนเมษายน 2549 คราวนั้นลูกชายทั้งสองได้ไปบวชภาคฤดูร้อนที่นั่น และต้องจำวัดอยู่ประมาณ 1 เดือน หลังจากบวชได้ประมาณ 1 อาทิตย์ ในวันหยุดฉันได้ไปใส่บาตรที่วัด ลูกเณรทั้งสองได้มาแอบกระซิบว่ามีคนเอาลูกหมามาทิ้งไว้ สวยมาก สีดำสนิท ขนปุย เขาอยากให้เอาไปเลี้ยง ด้วยความที่เป็นชอบสุนัขเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยไม่รีรอที่จะตามไปดู พอได้เห็นก็รู้สึกถูกชะตาทันที เป็นลูกหมาสีดำ เท้าทั้งสี่ใหญ่ ดูเหมือนเป็นสุนัขผสม พันธุ์สวย มันร้องเสียงดังตลอดเวลาที่ไม่เห็นคน จนพระ เณรเดือดร้อนต้องคอยอยู่ใกล้ๆมัน (มันคงร้ายตั้งแต่เล็กๆ เลย) แล้วพอไปจอหลวงพี่ท่านหนึ่งถามว่า "โยมจะเอามันไปมั้ย" ก็เลยต้องเอามันกลับบ้านมาด้วย ลูกๆทั้งสองดีใจมาก ด้วยความที่ตัวมันดำสนิท ก็ขนานนามมันว่า "เฉาก๊วย" นี่คือจุดเริ่มต้นของเจ้าหมาน้อยตัวแสบ
เฉาก๊วยได้กลับมาอยู่ที่บ้านกับฉัน ขณะนั้นลูกๆทั้งสองยังไม่อาจมาอยู่ด้วยได้ เพราะติดภารกิจการเป็นสามเณรอยู่ที่วัด พอเฉาก๊วยมาอยู่ด้วยช่วงนั้นันยังต้องไปทำงานประจำอยู่ ก็สั่งกรงไว้ คิดว่าเค้าคงตัวไม่ใหญ่นัก คืนแรก "เฉาก๊วย" โชคดี ได้เข้าไปนอนในห้องนอนกับฉันด้วย เหตุเพราะตัวมันยังเล็กมาก แล้วมันคอยร้องถ้าเอาไว้นอกบ้าน ...จำเป็นจริงๆ... พอตอนเช้าได้กรงมาก็นำมันใส่กรงไว้ สั่งเสียเสร็จเรียบร้อยว่า อย่าส่งเสียงดังนะ มันเอียงคอมองเหมือนรับทรายว่า "คับผม" แล้วฉันก็ไปทำงาน ...ที่ไหนได้ ตกเย็น น้องข้างบ้านมาฟ้องว่า "พี่ๆ เฉาก๊วย" มันร้องไม่หยุดเลยน่ะ (น้องเค้าจะนอนตอนกลางวัน) ตายๆๆๆๆ แล้วจะเลี้ยงกันไปได้มั้ยเนี่ย เป็นอยู่แบบนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ เฉาก๊วยถึงยอมอยู่ในกรงแล้วรอฉันกลับมาโดยไม่ร้อง (เพราะพี่ๆข้างบ้านไปคอยบอกมันว่า "ถ้าร้องจะจับไปกินนะ...555 ไม่รู้มันฟังรู้เรื่องมั้ย แต่มันได้ผล)
หลังจากนั้นเฉาก๊วยก็เริ่มโตขึ้นมาเรื่อยๆ กลางคืนก็เอาเข้าไปนอนในบ้าน ถ้าวันไหนมันหนีไปเที่ยวนอกบ้านตัวเหมือนมา ก็จะอดเข้าบ้าน มันจะคอยทำหน้าละห้อย แล้วนอนหมอบเศร้าอยู่หน้าประตูบ้าน วีรกรรมของ เฉาก๊วย" ตัวแสบยังไม่หมด พอเริ่มเป็นหนุ่มก็อยากออกไปเที่ยวนอกบ้านตอนกลางคืน ประตูเข้าบ้านจะมีกระจกเป็นช่องๆ อยู่ ด้วยความที่มันเห็นเพื่อนของมันอยู่ข้างนอกแล้วอยากออกไป มันเริ่มเคาะกระจก...เคาะ...แล้วก็ "เพร้งงงง!!" เสียงกระกแตกพร้อมกับร่างของ เฉาก๊วย มุดหายออกไปนอกบ้านเหลือไว้เพียงเศษกระจกแตกทิ้งไว้ให้ฉันต้องทำความสะอาด....
เฉาก๊วยเปรียบเสมือนน้องชายคนเล็กของบ้าน แต่ขาใหญ่ที่สุดในบ้าน วันนั้นลูกชายคนโตกลับบ้านค่ำมาก ผิดเวลา หลังทานอาหารเย็นกัน ฉันก้ออบรมสั่งสอนเขา เขาก้อมหน้ารับผิดแต่โดยดี เฉาก๊วยเห็นดังนั้น ก้อลุกขึ้นยืนกอดฉันแล้วดันๆ ฉันให้ออกห่างลูกชาย ตอนแรกฉันก็แปลกใจ นึกว่า เฉาก๊วย หิวจะกินอาหารอีก ก็เลยมันว่า รอเดี๋ยว มันนั่งลงหลังจากฉันหยุดบ่นเจ้าลูกชายตัวดี แต่พอหันกลับไปอบรมเขาต่อ เฉาก๊วยก็ทำอีก มันทำอยู่แบบนั้นอีกสัก 2-3 รอบ เรา 3 คนเลย "อ๋อ" ว่ามันไม่ต้องการให้พี่โดนว่า ก็เลยได้แต่นั่งหัวเราะกันไป...
เฉาก๊วยเปรียบเสมือนสมาชิกคนหนึ่งของบ้านเราเวลามันทำผิดแล้วถูกดุ มันจะล้มตัวลงนอนหงายนิ่งๆ เหมือนมันตาย 555 เป็นเรื่องขำขัน ของที่บ้านมาก มันซนมาก เวลาอยากออกไปข้างนอก มันจะขุดๆๆ ดินริ้วรั้วจนหนีออกไป แล้วเวลากลับมาก็มาขอเข้าทางประตูบ้าน รั้วสูงๆ มันก็กะโดดข้าม จนสุดท้ายก็จนปัญญาที่จะห้ามมัน
และแล้ววันหนึ่ง เราก็ได้สมาชิกใหม่มาเพิ่ม เช่นเดียวกัน ไปเจอที่วัดเหมือนเดิม สีน้ำตาล เพศเมีย คราวนี้เงียบๆ ไม่ส่งเสียงร้อง จนเราคิดว่า หมาจะมีเป็นใบ้มั้ยเนี่ย พากลับมาบ้าน เฉาก๊วยสนใจมาก แต่จะคอยหวง ไม่ให้เข้าใกล้ฉัน อ่อ ลืมบอกไป ชื่อของมันคือ "มอมแมม" ตัวมันมีสีน้ำตาล หลังอาน และที่สำคัญ ปากมอม ....บ้านเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมา มีเรื่องสนุกสนานมากมายเกี่ยวกับหมาน้อยทั้ง 2 ตัว จนวันหนึ่ง.....

จนวันหนึ่ง เราต้องย้ายบ้าน และมอมแมมเริ่มเป็นสาว เริ่มมีหนุ่มๆ มาที่บ้านมากมาย เฉาก๊วยด้วยความที่มันก็เป็นหนุ่มใหญ่แล้ว เลยหวงมอมแมมมาก (ประมาณสมภารกินไก่วัด) ก็ไล่เห่า ไล่กัดกับตัวอื่นๆที่แวะมา จนเสียงดังแทบทั้งวัน ทั้งคืน หลังจากที่มอมแมไม่ได้ตกเป็นของใครนอกจากเฉาก๊วยเท่านั้น...555
แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในวันหนึ่ง....ฉันกลับจากทำงานเหมือนตามปกติ ก็แปลกใจที่ปกติทั้ง เฉาก๊วย และมอมแม จะต้องออกมารอรับที่หน้าประตูบ้าน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมาก พอขับรถเข้าไปก็เห็น เฉาก๊วย นอนอยู่หน้าประตู ก็นึกในใจว่า คงนอนหลับ แต่พอขับรถเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งปกติมันจะต้องลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้ามา....ทุกอย่างเงียบสนิท... ฉันใจหายวาบ...ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่า อย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย....พอฉันจอดรถค่อยๆ เดินเข้าไปหามัน มันยังคงนอนนิ่ง ไม่ไหวติง ซึ่งผิดนิสัยของมัน...สิ่งที่ฉันคิดไว้ก็เกิดขึ้นจริงๆ...เฉาก๊วย นอนน้ำลายฟูมปาก ตัวแข็งทื่อ ...นาทีนั้นฉันเข่าอ่อน น้ำตามาจากไหนไม่รู้ เข้าไปลูบตัวมันแล้วเรียกมัน "เฉาก๊วย ตื่นสิลูก...ตื่นสิ" มอมแมมที่วนเวียนอยู่ข้างๆก็เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนใจร้ายวางยาเบื่อ เฉาก๊วยซึ่งชอบกิน กินไม่เลือก คงมีใครสักคนเอาอะไรให้มันกิน ....ฉันร้องไห้ เรียกมัน ลูกๆ ก้อได้แต่ปลอบใจฉัน ..... เราฝังมันไว้หลังบ้านใต้ต้นลำใย.... หลับให้สบายนะลูกรัก ชาตินี้ลูกชดใช้กรรมหมดแล้ว ขอให้เจ้าไปสบายนะ....เฉาก๊วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น